ธันวาคม 20, 201811/05/20220 โรคเก๊าท์โรคเก๊าท์ เป็นโรคข้ออักเสบเฉียบพลันซึ่งเกิดจาการที่มีกรดยูริกสะสมมากกว่าปกติ แล้วตกตะกอนเป็นผลึกยูเรตสะสมตามข้อต่างๆ ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นประมาณร้อยละ 80 – 90 ของผู้ป่วย โรคเก๊าท์มักเป็นในเพศชายซึ่งส่วนใหญ่มีอาการครั้งแรกในช่วงอายุ 35 – 45 ปี ส่วนในเพศหญิงจะพบโรคเก๊าท์ในช่วงหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วสาเหตุกรดยูริก เป็นสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่สร้างขึ้นที่ตับ ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของสารชนิดหนึ่ที่มีชื่อว่า “พิวรีน” สารนี้ในร่างกายได้มาจาก 2 แหล่ง คือ1.อาหารที่รับประทาน เช่น เครื่องในสัตว์และเนื้อสัตว์ต่างๆ และผักบางชนิด2.การสลายตัวของเซลล์ในร่างกายกรดยูริกที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะถูกขับออกทางไต มีส่วนน้อยที่จะถูกขับออกทางลำไส้ ปกติแล้วคนทั่วไป จะมีกรดยูริกในเลือดระหว่าง 3 – 7 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร ซึ่งถ้ามีระดับกรดยูริกในเลือดมากกว่า 7 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตรแสดงว่ามีกรดยูริกในเลือดสูงอาการเริ่มมีข้ออักเสบเฉียบพลันโดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้ามีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณข้อ ตำแหน่งที่พบได้บ่อย คือ ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้าและข้อเข่า ถ้ามีการอักเสบรุนแรงมาก อาจทำให้ไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวข้อนั้นๆ ได้ข้ออักเสบในโรคเก๊าท์ ระยะแรกจะเป็นเพียง 1 – 2 ข้อ และการอักเสบของข้อส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 3 – 5 วัน มักไม่เกิน 1 – 2 สัปดาห์เมื่อเป็นโรคเก๊าท์นาน และได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง ผลึกของกรดยูริกจะสะสมตามเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อเกิดเป็นก้อนขึ้นมาเรียกว่า “โทฟส” ซึ่งก้อนนี้จะค่อยๆทำลายข้อไปในที่สุดอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากภาวะกรดยูริกสูง1.โรคเก๊าท์ ถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความพิการได้2.นิ่วในทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในหลอดไต นิ่วในไต3.ไตวายอย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดยูริกสูงในเลือดไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นโรคเก๊าท์ทุกคน มีส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนการรักษา ไปพบแทพย์เพื่อตรวจเลือดและรักษาโดยการรับประทานยาการปฏิบัติตัว1.ควบคุม หรือจำกัดอาหารประเภทที่มีกรดยูริกสูง ได้แก่ พวกเครื่องในสัตว์เนื้อสัตว์ และผักบางชนิด เช่น ชะอม กระถิน สะตอ เป็นต้น2.งดดื่มเหล้า ไวน์ เบียร์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้มีการขับกรดยูริกออกได้น้อยลง3.ควรดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ4.ในรายที่อ้วนและน้ำหนักมากต้องลดน้ำหนักตัวลง5.หลีกเลี่ยงการใช้ยากแอสไพริน และยาขับปัสสาวะ เพราะจะทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง6.ออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน วิ่งเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีการกระทบกระเทือนข้อ7.ปรึกษาแทพย์ และมาพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ กินยาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยควบคุมระดับกรดยูริกในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติคำแนะนำอื่นๆ1.อาหารที่มีปริมาณพิวรีนมาก ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควรงดเว้นหรือหลีกเลี่ยง ได้แก่ ตับอ่อน หัวใจ ตับกึ๋นของไก่ เนื้อไก่ เป็น ห่าน มันสมองวัว ไข่ปลา ปลาอินทรีย์ ปลาดุก ปลาไส้ตัน กุ้งชีแฮ้ หอย ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ชะอม กระถิน เห็ด กะปิ2.อาหารที่มีปริมาณพิวรีนปานกลาง ผู้ป่วยโรคเก๊าท์รับประทานได้ปริมาณจำกัด ได้แก่ เนื้อหมู วัว ปลากะพง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม ดอกกระหล่ำ หน่อไม้3.อาหารที่มีปริมาณพิวรีนน้อย ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ทางได้ปกติ ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโอ๊ด ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ข้าวโพด ผักและผลไม้ น้ำตาลและขนมหวาน ไขมัน จากพืชและสัตว์ ข้าวและขนมปัง เนยเหลว และเนยแข็งข้อมูลจาก คณะกรรมการฐานข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช