ธันวาคม 20, 2018มกราคม 16, 20190 กายภาพบำบัดเบื้องต้น ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular Disease ; Stroke) อาการแสดง • ระยะแรก: ร่างกายด้านตรงข้ามกับสมองที่ถูกทำลายหยุดการทำงานมีอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก ไม่สามารถ ควบคุมการเคลื่อนไหวได้ • ระยะฟื้นตัว: ขยับแขนขาได้ สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้บ้าง อาจมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนและขา อาการแสดงอื่นๆ ที่อาจพบได้ • อาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย • กล้ามเนื้ออ่อนแอ • ประสิทธิภาพการทำงานของระบบทางเดินหายใจและ หัวใจลดลง • ผู้ป่วยอาจไม่สนใจสิ่งต่างๆ ที่อยู่ทางด้านซ้ายหรือ ร่างกายซีกซ้ายของตนเอง • การกลั้นปัสสาวะไม่ได้นานหรือไม่ได้เลย • ปัญหาด้านความจำระยะสั้น • การพูด การอ่าน • การคิด การสรุปความ และการคำนวณ • ปัญหาด้านการมองเห็น • การบอกทิศทาง ระยะทาง • ปัญหาซึมเศร้าและการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ ระยะการฟื้นตัว • การฟื้นตัวตามธรรมชาติของสมอง – 2-3 วัน ถึง 4 เดือน • การปรับเปลี่ยนโครงข่ายระบบประสาท – ระยะเวลานานถึง 7-8 ปี – ขึ้นกับรอยโรคในสมอง ภาวะแทรกซ้อนโรคประจำตัว อายุ ลักษณะนิสัย ของผู้ป่วย ความตั้งมั่นและวินัยในการฝึกฝนครอบครัว สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยและการรักษาที่ได้รับ – ต้องอาศัยข้อมูลจากการเรียนรู้การทำทักษะต่างๆใหม่ หากผู้ป่วยมีการเรียนรู้ในการทำทักษะที่ผิดปกติ สมองก็จะมีโครงข่ายระบบประสาทที่ ควบคุมสั่งการการทำทักษะให้ออกมาเป็นแบบที่ผิดปกติด้วย บทบาทของกายภาพบำบัดในผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก • การฟื้นฟูทักษะการเคลื่อนไหวที่สูญเสียไปจากการที่บางส่วน ของสมองถูกทำลาย –การควบคุมการเคลื่อนไหว –การทรงตัว –การทำงานประสานสัมพันธ์ของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ • การป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการถูกจำกัดการเคลื่อนไหว –การหดสั้นของกล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่อรอบข้อต่อ –ป้องกันอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เป้าหมายการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้ ใกล้เคียงปกติมากที่สุด สามารถช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน การทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพและการทำกิจกรรมต่างๆ ทางสังคมได้ กระบวนการทางกายภาพบำบัด 1) การจัดท่านอน นั่ง ยืนที่ถูกต้อง 2) การฝึกเคลื่อนย้ายตนเองหรือการเปลี่ยนท่าทาง 3) การออกกำลังกายแบบทำให้ 4) การกระตุ้นไฟฟ้าที่กล้ามเนื้อที่อ่อนปวกเปียก 5) การฝึกฝนการทรงตัวและการรักษาสมดุลของร่างกาย 6) การฝึกการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กันของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ 7) การฝึกเดิน 8) การฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน 9) การออกกำลังกายแบบแอโรบิก กระบวนการทางกายภาพบำบัด 1) การจัดท่า จัดให้แขนและขาอยู่ในท่าตรงข้ามกับท่าทางที่อาจเกิดขึ้น เมื่อมี อาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนและขาใน ท่าหมุนต้นแขนเข้าด้านใน งอข้อศอก คว่ำมือ กระดกข้อมือลง กำมือแน่น ข้อสะโพกและข้อเข่า เหยียดตรง ปลายเท้าจิกลง นิ้วเท้างอ 1.1) ท่านอนหงาย 1.2) ท่านอนตะแคงทับด้านแข็งแรง 1.3) ท่านอนตะแคงทับด้านอ่อนแรง 1.4) การจัดท่านั่ง • ลำตัวตั้งตรง • แขนข้างอ่อนแรงวางบนที่พักแขน • ลงน้ำหนักเท่ากันทั้งสองข้าง • เท้าวางราบกับพื้น 1.5) การจัดท่ายืน • ลำตัวตั้งตรง • แขนข้างอ่อนแรงอยู่ในท่าหมุนต้น แขนออกด้านนอก เหยียดข้อศอก หงายมือ กระดกข้อมือขึ้น แบมือ • ลงน้ำหนักที่เท้าเท่ากันทั้งสองข้าง • เท้าวางราบกับพื้น 2) การฝึกเคลื่อนย้ายตนเองหรือการเปลี่ยนท่าทาง • ให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด • อาจต้องการความช่วยเหลือจากผู้ดูแล 2.1) การพลิกตะแคงตัวทับข้างแข็งแรง 2.2) การพลิกตะแคงตัวทับข้างอ่อนแรง 2.3) การลุกขึ้นนั่งข้างเตียงทางด้านแข็งแรง 2.4) การลุกขึ้นนั่งข้างเตียงทางด้านอ่อนแรง 2.5) การลุกขึ้นยืน – นั่งลง 3) การออกกำลังกายแบบทำให้ 3.1) ผู้ดูแลทำให้ – การจับผู้ป่วยต้องมั่นคงและรองรับส่วนที่อ่อนปวกเปียก – จังหวะการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอและราบเรียบ – เคลื่อนไหวข้อต่อทุกทิศทางในช่วงที่ไม่มีอาการปวด – ระวังการเคลื่อนไหวที่เกินช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ – ผู้ดูแลต้องอยู่ในท่าที่ได้เปรียบเชิงกล เพื่อช่วยผ่อนแรงขณะทำการเคลื่อนไหวให้ ผู้ป่วย 3.2) ผู้ป่วยทำเอง – ใช้ข้างที่แข็งแรงจับข้างที่อ่อนแรงเคลื่อนไหว – จังหวะการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอและราบเรียบ 4) การกระตุ้นไฟฟ้าที่กล้ามเนื้อที่อ่อนปวกเปียก 5) การฝึกฝนการทรงตัวและการรักษาสมดุลของร่างกาย • ทำในท่านอนตะแคง ท่านั่ง และท่ายืน • การอยู่นิ่ง • การถ่ายน้ำหนัก • การรบกวนการทรงท่า 5.1) การถ่ายน้ำหนักด้านข้าง 5.2) การถ่ายน้ำหนักด้านหน้า-หลัง 5.3) การเอื้อมจับ 5.4) การถ่ายน้ำหนักลงบนแขนท่อนล่าง 5.5) การถ่ายน้ำหนักด้านหน้าพร้อมลุกขึ้นยืน 6) การฝึกการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กันของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ 7) การฝึกเดิน 8) การฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน 9) การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ข้อควรระวังในการการฝึกผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก • ไม่ให้ผู้ป่วยใช้ความพยายามในการเคลื่อนไหวเกินกำลังกล้ามเนื้อ ของผู้ป่วย เพราะจะทำให้เกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อมากขึ้น และมีการเคลื่อนไหวชดเชยที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการเคลื่อนไหวปกติ ขัดขวางการพัฒนาทักษะที่ดี • ระวังอย่าดึงกระชากข้อไหล่ผู้ป่วย เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ ข้อไหล่ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อสะบักและไหล่อ่อนแรง • ลดอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อก่อนการทำการเคลื่อนไหวข้อต่อ ต่างๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่อ • การยกแขนขึ้นสูงกว่าระดับไหล่ต้องจัดให้แขนข้างที่อ่อนแรงอยู่ใน ท่าศอกเหยียดตรงนิ้วหัวแม่มือชี้ขึ้นเพดานหรือหงายมือ การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก • ผู้ป่วยและญาติต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูสภาพและการวางแผนการรักษา • เน้นการฝึกฝนตนเองของผู้ป่วย • ความช่วยเหลือและกำลังใจจากญาติ